น้ำเสาวรส

สูตรวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุบลราชธานี

ในยุคที่สิ่งแวดล้อมเต็มไปด้วยสารพิษ มลพิษทำให้ร่างกายอ่อนแอไปทุกวันที่ร้ายกาจคือปุ๋ยเคมียาปราบศัตรูพืช ยาฆ่าแมลงต่างๆที่สะสมในพืชผักและอาหาร เมื่อเรากินเข้าไปมีผลทำลายตับ ในบรรดาอวัยวะต่างๆ ตับมีลักษณะพิเศษที่สุด ทำงานได้หลายด้านและจำเป็นต่อร่างกาย ไม่มีอวัยวะอื่นใดเท่าเทียม ตับคุมการปฏิบัติงานได้หลายอย่าง ฉะนั้นหากตับผิดปกติเพียงเล็กน้อย ก็มีผลสืบเนืองร้ายแรงได้ ตับไม่เพียงแต่ผลิตน้ำดี สำหรับย่อยอาหารพวกไขมันเท่านั้น แต่เพราะด้วยจุดที่ตั้งของตับและเส้นโลหิตหลายเส้นมาบรรจบกันที่ตับ ตับจึงได้รับโลหิตโดยตรงจากลำไส้และมีส่วนอย่างสำคัญเกี่ยวกับการย่อย และการใช้อาหารหลักทั้งหมด ตับเก็บน้ำตาลไว้ในรูปกรัยโคเจนและปลอยกรัยโคเจนออกในรูปกลูโคสในปริมาณพอสมควรเพือให้น้ำตาลในโลหิตอยู่ในระดับปกติ ตับรักษาไขมันให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะพอดี และระงับฮอร์โมนเพศหญิงและชายเมื่อฮอร์โมนมีปริมาณสูงกว่าปกติ

ถ้าตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติก็เท่ากับว่าร่างกายไม่มีอาวุธคือจะไม่สามารถต้านทานพิษร้านนานาชนิดที่รบกวนร่างกายอยู่ตลอดเวลา พิษร้ายบางประการได้แก่ กากอาหารที่ย่อยแล้ว ซึ่งตับสามารถทำให้ปราศจากพิษได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยถอนเอาไนโตรเจนออก สารที่เป็นพิษอื่นๆที่มิได้อยู่ในร่างกายโดยปกติจะถูกทำลายเช่นกัน อาจารย์อรนงค์ บัวทอง อาจารย์วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุบลราชธานี ผู้ซึ่งสนใจและศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการใช้พืชผักผลไม้มาใช้ในการป้องกันและบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ โดยการไปศึกษาดูงานที่สำนักสงฆ์ราชธานีอโศกและได้นำมาถ่ายทอดให้กับนักเรียน นักศึกษา กล่าวว่ามีผลไม้ชนิดหนึ่งที่ถือว่าเป็นผลไม้มหัศจรรย์และมีคุณสมบัติวิเศษที่ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันช่วยกำจัดสารพิษที่ตกค้างในเลือด ผู้ที่มีตับ ไตอ่อนแอจะฟื้นฟูให้มีความแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร แก้ท้องผูก มีเสมหะมาก แก้ปากมีกลิ่น ช่วยบำรุงหัวใจ ขยายหลอดเลือด ลดคลอเรสเตอรอล ช่วยในการย่อยอาหารยังทำให้ผิวพรรณดีอีกด้วย

อาจารย์อรนงค์ บังทอง กล่าวต่อไปอีกว่า ผลไม้ชนิดนั้นก็คือ เสาวรส หรือ กระทกรกฝรั่ง หรือ แพสชั่นพรุท นั้นเอง เสาวรสเป็นผลไม้ที่มีวิตามินสูง และมีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในการผลิตเป็นน้ำผลไม้ วิธีการทำก็ง่าย เริ่มจากการนำผลเสาวรส 1 กิโลกรัม ควรเลือกเสาวรสที่แก่จัดจะทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและแยกเนื้อจากเมล็ดง่ยสีจะสวยน่ารับประทาน ไปล้างน้ำให้สะอาด ทำให้สะเด็ดน้ำ นำน้ำตาลและน้ำตั้งไฟ ทำให้น้ำตาลละลายเป็นน้ำเชื่อมตั้งไว้ให้เย็น นำผลเสาวรสมาผ่าตามขวาง แกะเอาเนื้อเสาวรสออกใส่ภาชนะ คั้นให้เนื้อและเมล็ดแตกจากกัน นำน้ำผึ้ง 2 ช้อน มาคั้นให้เข้ากัน นำเสาวรสไปกรองในผ้าขาวบางและตะแกรง โดยใช้ทัพพียีเนื้อเสาวรสคู่ไปกับใช้น้ำต้มสุก เทเพื่อล้างเนื้อเสาวรสลงไปมากๆบิดเอาน้ำออกจากผ้าขาวบาง นำน้ำเชื่อมมาผสมกับน้ำเสาวรสที่กรองได้ คนให้เข้ากัน เติมเกลือ ¼ ช้อนชา ลงไปคนให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วชิมตาใจชอบ เทหรือตักน้ำเสาวรสและส่วนผสมที่คนเข้ากันแล้วใส่เหยือกที่ง่ายต่อการบรรจุใส่ขวด บรรจุเสาวรสใส่ขวดๆละ 250 ซีซี แล้วนำขวดเสาวรสไปล้างน้ำ เก็บไว้ในที่เย็นจะเก็บได้ 3-4 วันและนำมาดื่ม

เสาวรสปลูกง่าย ดูแลรักษาไม่ยากและมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการผลิตเป็นน้ำผลไม้ เพราะมีกลิ่นรสเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ทั้งน้ำเสาวรสมีประโยชน์ ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก และที่สำคัญเกษตรกรที่ปลูกเสาวรสสามารถทำน้ำเสาวรสออกจำหน่ายเป็นรายได้เข้าครอบครัวได้อีกด้วย

อรัญ สิงห์คำ